จุดเปลี่ยนเส้นทางค้าแข้งของ วาตารุ เอ็นโด ในถิ่นแอนฟิลด์ ฤดูกาล 2023/24 คือการเริ่มต้นบทใหม่ของ เอ็นโด ในเวทีพรีเมียร์ลีกกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเจ้าตัวย้ายมาจาก สตุ๊ตการ์ท ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ต้องการเสริมแกร่งในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ หลังการปล่อยแข้งตัวหลักออกไปหลายราย แม้จะเปิดตัวได้ดีในช่วงแรก แต่หลังการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมเป็น อาร์เน่ สล็อต อนาคตของเอ็นโดกลับกลายเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง เมื่อกุนซือชาวดัตช์เลือกใช้งานดาวรุ่งอย่าง ไรอัน กราเฟนแบร์ก ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับบ่อยครั้ง ขณะที่มิดฟิลด์เลือดปลาดิบได้รับโอกาสลงสนามแบบจำกัด
เมื่อบวกกับข่าวล่าสุดจาก “บิลด์” สื่อใหญ่เยอรมนีที่ระบุว่า ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ให้ความสนใจในตัวเอ็นโดอย่างจริงจัง ทำให้แฟนบอลเริ่มตั้งคำถามว่า หรือจะถึงเวลาที่เจ้าตัวจะโบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์เร็วกว่าที่คิด?
วาตารุ เอ็นโด จากเสาหลักม้าขาวสู่บทบาทตัวสำรองที่ลิเวอร์พูล
ก่อนจะย้ายมา ลิเวอร์พูล วาตารุ เอ็นโด คือแกนหลักของ สตุ๊ตการ์ท ในบุนเดสลีกา เป็นกัปตันทีมและหัวใจในแดนกลางที่ทำหน้าที่ทั้งเก็บกวาดเกมรับและเชื่อมเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม ความเก๋าและวินัยของเขา คือสิ่งที่คล็อปป์มองว่าเหมาะสมกับระบบของทีมแต่เมื่อบทบาทในแผนการทำทีมของสล็อตเริ่มเปลี่ยนไป สู่การพา หงส์แดงไปสู่ ลิเวอร์พูล ยุคใหม่ จึงทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่โดนลงบทบาทลงในที่สุด
เอ็นโดต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในแดนกลางโดยเฉพาะกับดาวรุ่งอย่าง กราเฟนแบร์ก, โดมินิค โซบอสไล, เคอร์ติส โจนส์ และแม้แต่สตาร์หน้าใหม่อย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ถูกจับมาเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ตัวต่ำในบางเกมฤดูกาลนี้ เอ็นโดมีโอกาสลงสนามเพียง 742 นาทีในทุกรายการ และในพรีเมียร์ลีกได้เล่นเพียง 277 นาที นั่นจึงทำให้การย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับอนาคตของเขา
3 มิดฟิลด์ที่จะมาแทนที่ เอ็นโด มีใครน่าสนใจบ้าง
มาร์ติน ซูบิเมนดี้ – หัวใจแดนกลางจากเรอัล โซเซียดาด
มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนรายนี้ตกเป็นข่าวกับลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ยุคของคล็อปป์ และชื่อของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในลิสต์ลำดับต้น ๆ ของทีมในยุคสล็อตซูบิเมนดี้คือมิดฟิลด์ที่เล่นแบบเนียนตา เน้นการเชื่อมเกม เก็บบอล และวางจังหวะให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ลิเวอร์พูลกำลังมองหา เพราะนักเตะในทีมตอนนี้หลายคนเน้นเกมรุกเป็นหลัก ข้อเสียเดียวที่อาจทำให้ดีลนี้มีอุปสรรคคือค่าฉีกสัญญาที่สูงถึง 50 ล้านยูโร (ประมาณ 43 ล้านปอนด์) และความต้องการของนักเตะที่อยากเล่นในสเปนต่อ อย่างไรก็ตาม หากหงส์แดงได้ตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีก โอกาสจะย้ายก็มีมากขึ้นแน่นอน
อมาโด ไฮดาร่า – สไตล์นักสู้จากไลป์ซิก
ชื่อของไฮดาร่า อาจไม่หวือหวาในสายตาแฟนบอลพรีเมียร์ลีก แต่ใครที่ตามบุนเดสลีกาย่อมรู้ว่าเขาคือหนึ่งในมิดฟิลด์ที่มีพลังงานล้นเหลือที่สุดของลีกแข้งทีมชาติมาลีวัย 26 ปีเล่นได้ทั้งแบบตัวตัดเกมและบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ จุดเด่นของเขาคือการเข้าสกัดแม่นยำ การอ่านเกมดีเยี่ยม และการไม่ยอมแพ้ในทุกจังหวะ ซึ่งเข้ากับสไตล์ของลิเวอร์พูลแบบสุด ๆแถมดีลนี้มีความเป็นไปได้สูง เพราะนักเตะมีค่าฉีกสัญญาไม่แพงเกินไป และไลป์ซิกเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่ยินดีขายนักเตะหากได้ราคาที่เหมาะสม
มานูเอล อูการ์เต้ – พลังหนุ่มจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ชื่อของอูการ์เต้โผล่มาอย่างเซอร์ไพรส์หลังมีข่าวว่าลิเวอร์พูลส่งแมวมองไปชมฟอร์มของเขาหลายครั้งในลีกเอิง อูการ์เต้คือกองกลางสายโหดที่เน้นตัดเกมเป็นหลัก เล่นหนักแต่มีชั้นเชิง และยังอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการสร้างทีมระยะยาว แม้ว่าเขาจะเพิ่งย้ายมาอยู่กับ PSG เมื่อปีที่แล้ว แต่การที่เจ้าตัวไม่ได้รับโอกาสมากนักจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ ทำให้เกิดกระแสว่าเขาอาจมองหาทีมใหม่ หากได้รับการันตีโอกาสลงสนามมากขึ้น
ลิเวอร์พูลพร้อมเปิดทาง? แค่จ่าย 20 ล้านปอนด์ก็พอ
ย้อนกลับไปช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า โอลิมปิก มาร์กเซย เคยยื่นข้อเสนอราว 11.8 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อตัวเอ็นโด แต่ถูกลิเวอร์พูลปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุผลว่ามูลค่าดังกล่าวยังไม่คุ้มกับนักเตะที่ยังสามารถใช้งานได้อีกอย่างน้อย 2-3 ฤดูกาลแต่หากข้อเสนอจากแฟร้งค์เฟิร์ตอยู่ที่ระดับ 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 880 ล้านบาท) ก็เชื่อกันว่า ลิเวอร์พูล พร้อมพิจารณาทันที ไฮไลท์ฟุตบอล ล่าสุด ผลงานของเขา
เพราะถือเป็นกำไรที่พวกเขาได้จากดีลมูลค่าเพียง 16 ล้านยูโรตอนดึงตัวมาจากสตุ๊ตการ์ทที่สำคัญ หากการปล่อยเอ็นโดช่วยให้ทีมมีงบประมาณเสริมทัพในตำแหน่งที่ต้องการอย่างมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลก เช่น มาร์ติน ซูบิเมนดี้ หรือ ชูอาเมนี่ ก็อาจเป็นดีลที่คุ้มค่าทั้งสองฝ่าย
บทสรุป แยกทางแบบมีเกียรติ และเริ่มต้นบทใหม่ที่แฟร้งค์เฟิร์ต?
วาตารุ เอ็นโด คือนักเตะที่ทุ่มเทเต็มร้อยเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหนกับ ลิเวอร์พูล แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงในทีมและแผนการระยะยาวของสโมสร การเปิดทางให้เจ้าตัวได้ย้ายไปสู่ทีมที่ให้โอกาสมากกว่าอาจเป็นเรื่องที่ดีกับทุกฝ่าย หากดีลกับแฟร้งค์เฟิร์ตเกิดขึ้นจริง ลิเวอร์พูลก็จะได้ทุนสำหรับการเสริมทัพในอนาคต ส่วนเอ็นโดก็ได้กลับไปเล่นในลีกที่เขาเคยสร้างชื่อ พร้อมความหวังใหม่ในเส้นทางค้าแข้งช่วงท้ายของอาชีพ สุดท้ายแล้ว แฟนบอลลิเวอร์พูลน่าจะยังคงจดจำเขาในฐานะนักสู้ผู้ไม่เคยยอมแพ้ และพร้อมสนับสนุนการเริ่มต้นบทใหม่ของเขาอย่างเต็มใจ
ข่าวฟุตบอลอื่นๆที่น่าสนใจ
