ศึกบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ที่สนามแอนฟิลด์เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาเปิดบ้านเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ซิตี้ “โคดี้ กัคโป” จัดการยิงประตูขึ้นนำในนาทีที่ 12 ด้วยการจบสกอร์เฉียบขาด สร้างความกดดันให้ทีมเยือนตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” จะปิดจ็อบด้วยลูกจุดโทษสุดเยือกเย็นในนาทีที่ 78 ชัยชนะนัดนี้ทำให้ลิเวอร์พูลยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น โดยทิ้งห่างรองจ่าฝูงถึง 9 คะแนน
ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ซิตี้ ยึดจ่าฝูงเหนียวแน่น
การแข่งขันพรีเมียร์ลีกบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้จบลงด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล ที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดย “หงส์แดง” โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ซิตี้ กัคโป ยิงประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 12 จากจังหวะที่เจ้าตัวใช้ความเฉียบขาดส่งบอลผ่านผู้รักษาประตูทีมเยือนไปอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นลิเวอร์พูลยังสร้างโอกาสบุกอย่างต่อเนื่องแต่พลาดการเพิ่มสกอร์หลายครั้ง จนกระทั่งในนาทีที่ 78 ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ก็ไม่พลาด สามแต้มนี้ทำให้ลิเวอร์พูลขยับหนีห่างคู่แข่งในตำแหน่งจ่าฝูงถึง 9 คะแนน
ส่งสัญญาณว่าเป้าหมายลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้ยังอยู่ในมือพวกเขา ผลการแข่งขันในศึกบิ๊กแมตช์ระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อคืนที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำปัญหาที่กำลังก่อตัวในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไร้ชัยมา 7 เกมติดต่อกันในทุกรายการ แต่ยังพบกับความพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีกถึง 4 นัดรวด สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกดดันอย่างมหาศาลต่อกุนซือและนักเตะ เกมที่แอนฟิลด์ครั้งนี้เปิดเผยให้เห็นถึงจุดอ่อนหลายประการของแมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะการขาดความเด็ดขาดในจังหวะจบสกอร์ และปัญหาในแนวรับที่เสียสมาธิในช่วงเวลาสำคัญ
ดร็อป เอแดร์ซอน การตัดสินใจที่อาจต้องแลกด้วยแต้มสำคัญ
การดร็อปเอแดร์ซอนในเกมที่สำคัญแบบนี้สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลไม่น้อย แม้ทีมจะไร้ชัยมา 6 นัดติด แต่เอแดร์ซอนยังคงเป็นผู้รักษาประตูที่สม่ำเสมอที่สุดของทีม โดยเฉพาะเรื่องการบิลด์อัพจากแดนหลังที่ถือว่าเป็นจุดแข็งของเขา เว็บ วิเคราะห์บอล ระบุว่าการให้สเตฟาน ออร์เตก้า ลงเฝ้าเสาแทนดูเหมือนเป็นความเสี่ยงที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเลือกจะเดิมพัน ออร์เตก้าแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเซฟจังหวะสำคัญหลายครั้ง
แต่การเสียจุดโทษจากจังหวะรวบหลุยส์ ดิอาซ ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในมุมหนึ่ง จังหวะดังกล่าวควรโทษรูเบน ดิอาส ที่เล่นยากจนสร้างความกดดันให้แนวรับแทนที่จะเคลียร์บอลออกไป นอกจากนี้ การดร็อปยอสโก้ กวาร์ดิโอลก็เป็นอีกการตัดสินใจที่เข้าใจได้ เนื่องจากฟอร์มของเขาช่วงหลังเต็มไปด้วยความผิดพลาด ขณะที่นาธาน อาเก้ ซึ่งลงแทน กลับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม
แฟนหงส์ร้องเพลง “Sacked in the morning” ให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
หลังจบเกมที่แอนฟิลด์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่ากลายเป็นจุดสนใจอีกครั้ง เมื่อเขาตอบโต้เสียงแซวของแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วยการชู 6 นิ้ว สื่อถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัยของแมนฯ ซิตี้ อย่างไรก็ตาม ท่าทางนั้นไม่อาจกลบปัญหาที่ทีมกำลังเผชิญได้ เพราะพวกเขาไม่ชนะใครมา 7 นัดติด และแพ้ถึง 6 เกมในช่วงดังกล่าว ในเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ดูเป็นรองอย่างชัดเจนในครึ่งแรก โดยเฉพาะการสร้างโอกาสที่เกิดขึ้นครั้งแรกในนาทีที่ 39 จากริโก้ ลูอิส
ขณะที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสยิงถึง 9 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน แม้ครึ่งหลังเกมของซิตี้จะดีขึ้น แต่จังหวะจบสกอร์ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ โดนเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คตามประกบจนแทบไร้บทบาท แม้แมนฯ ซิตี้จะครองบอลได้มากกว่าที่ 55.9% แต่จำนวนโอกาสยิงที่น้อยกว่าคู่แข่งถึงเท่าตัว สะท้อนถึงความไม่เฉียบคมและขาดสมดุลในเกมรุก เป๊ปยังมีงานหนักที่ต้องเร่งแก้ไข หากต้องการพาทีมกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะ เหมือนกับที่ รูเบน อโมริม ทำให้ในนัด ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน แมนยู 4-0 เอฟเวอร์ตัน
ลิเวอร์พูลกับการนำห่างคู่แข่ง แชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2?
ในฤดูกาล 2019-20 เยอร์เก้น คล็อปป์ นำลิเวอร์พูลสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรก ด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้นเก็บได้ถึง 37 คะแนนจาก 13 เกมแรก และจบฤดูกาลด้วยคะแนนทิ้งห่างอันดับสองถึง 18 แต้ม สถิติที่น่าทึ่งนี้กลับมาเป็นประเด็นพูดถึงอีกครั้ง เมื่อฤดูกาลปัจจุบันหงส์แดงนำหน้าอาร์เซนอลและเชลซีถึง 9 คะแนนหลังผ่าน 13 เกม ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในยุคนี้คือสไตล์การเล่นที่ตรงไปตรงมามากขึ้น สถิติการวางบอลยาวเพิ่มขึ้นเป็น 14.8% จากค่าเฉลี่ย 9.1% ในฤดูกาลก่อน แสดงถึงการปรับตัวของทีมเพื่อสร้างความหลากหลายในเกมรุก การนำห่างคะแนนในช่วงต้นฤดูกาลนี้เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับลิเวอร์พูล
ชัยชนะเหนือเรอัล มาดริดในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลที่กำลังพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง นอกจากการโชว์ฟอร์มระดับยุโรปแล้ว “หงส์แดง” ยังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก สร้างความหวังให้กับแฟนบอลว่าสมัยที่ 2 ของแชมป์ลีกกำลังอยู่ไม่ไกล แม้เส้นทางยังไม่ถึงครึ่งฤดูกาล แต่ลิเวอร์พูลกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงความสม่ำเสมอที่คู่แข่งหลายทีมยังขาดอยู่ การผสมผสานของเกมรุกที่ดุดันและเกมรับที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ยากจะหยุด หากสามารถรักษาฟอร์มนี้ไว้ได้ การคว้าแชมป์อีกครั้งอาจเป็นเพียงเรื่องของเวลา
นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ผลวิเคราะห์บอล ราคาบอลล่าสุด ไฮไลท์ฟุตบอลลีกต่างๆ และ ดูหนังฟรี 24 ชั่วโมง